“””” เรื่องเล่าจาก เจ้าของกระทู้ในเว็บ พัทิป คนหนึ่ง ชื่อสมาชิก itCrazy
เรื่องมีอยู่ว่า….
แฟนเดย์คืนหนึ่งที่โรงหนังรอบ 2 ทุ่ม 20 ที่เชียงใหม่
ผมซื้อตั๋วแบบโซฟานั่งคู่ กะเอาเอนสบาย ๆ หน่อยเนื่องจากขายาว
ผมซื้อตั๋วแบบโซฟานั่งคู่ กะเอาเอนสบาย ๆ หน่อยเนื่องจากขายาว
คู่กรณีมากัน 5 คน (ช่วงนั้นไม่มั่นใจจริง ๆ ว่า 4 หรือ 5 คน, สมมุติว่า 5 คนนะครับ) ชาย 1 ที่เหลือหญิง
กลุ่มนี้นั่งแถว A ถัดจากแถวโซฟาที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งคนผู้คนที่เกิดปัญหากันนั่งอยู่ตรงกับผมพอดี
กลุ่มนี้นั่งแถว A ถัดจากแถวโซฟาที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งคนผู้คนที่เกิดปัญหากันนั่งอยู่ตรงกับผมพอดี
ช่วงหนังเริ่มผู้หญิงในกลุ่มมียกมือถือมาดู ๆ บ้าง
ซึ่งผมก็พอ OK หน่อยเพราะอย่างน้อยก็หรี่แสงหน้าจอ ถึงมันจะเห็นก็เถอะ
อีกพักนึงทางฝั่งผู้ชายก็ยกมือถือมาเล่นบ้าง ซึ่งคราวนี้แสงมาเต็ม ๆ
ซึ่งผมก็พอ OK หน่อยเพราะอย่างน้อยก็หรี่แสงหน้าจอ ถึงมันจะเห็นก็เถอะ
อีกพักนึงทางฝั่งผู้ชายก็ยกมือถือมาเล่นบ้าง ซึ่งคราวนี้แสงมาเต็ม ๆ
ผมจึงพูดเบา ๆ พอได้ยินไปว่า
“ปิดมือถือเถอะครับ”
ผมอาจจะเป็นคนเสียงแข็ง ๆ หน่อย (มั้ง) แต่พยายามลากเสียงให้พอรู้ว่าเป็นเชิงขอร้อง
“ปิดมือถือเถอะครับ”
ผมอาจจะเป็นคนเสียงแข็ง ๆ หน่อย (มั้ง) แต่พยายามลากเสียงให้พอรู้ว่าเป็นเชิงขอร้อง
ผู้ชายคนที่ว่า ปิดจอทันที, ผมก็ไม่ได้อะไร ดูหนังต่อไป
ซักแป๊ปนึง ผู้ชายคนนั้นได้ลุกขึ้นยืน
จัดหมวก และเดินออกไปข้างนอกโรงพร้อมผู้หญิงอีก 2 คน (คนที่เล่นมือถือ)
ถึงผมจะเริ่มหงุดหงิดบ้างว่า จะออกไปของนอกก็ลุกออกไป ยังจะมาทำเป็นจัดหมวกให้เข้าที่ เข้าทางก่อนแล้วเดินไปแบบ เก๋า ๆ
จัดหมวก และเดินออกไปข้างนอกโรงพร้อมผู้หญิงอีก 2 คน (คนที่เล่นมือถือ)
ถึงผมจะเริ่มหงุดหงิดบ้างว่า จะออกไปของนอกก็ลุกออกไป ยังจะมาทำเป็นจัดหมวกให้เข้าที่ เข้าทางก่อนแล้วเดินไปแบบ เก๋า ๆ
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าคงเป็นที่บุคลิกของแตละคนจริง ๆ
ซักพักทั้ง 3 คนกับมานั่งที่ได้ไม่นาน
ผู้ชายที่ว่าก็หันมามองด้านหลัง (มองผมนั่นแหล่ะ)
ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
ผู้ชายที่ว่าก็หันมามองด้านหลัง (มองผมนั่นแหล่ะ)
ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
หันมาอีกทีคราวนี้ยืนขึ้นเอามือเท้าเบาะแล้วก้มมามองหน้าผม
ผมเลยถามไปว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ผมเลยถามไปว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ทางนั้นถามกลับมาทันที “เมิ่งนั่นแหล่ะ มีอะไรกับกรู”
อ้าว…….
จากนั้นก็เริ่มมีการต่อปากต่อคำเกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นยืนพูดเสียงดังในโรงหนัง (ที่ตัวเองนั่งอยู่) พร้อมท้าให้ผมไปข้างนอก
หนึ่งในผู้หญิงที่มาด้วย พูดเชิงห้ามว่า
“พี่อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย, ปล่อย ๆ เค้าไปเถอะ”
หนึ่งในผู้หญิงที่มาด้วย พูดเชิงห้ามว่า
“พี่อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย, ปล่อย ๆ เค้าไปเถอะ”
ผมก็พยายามเงียบ ๆ ไปทำเป็นไม่สนใจแต่ทางโน้น ไม่จบ
เดินออกมาตามผมถึงที่นั่ง พร้อมท้าให้ผมออกไปเคลียรนอกโรง
เดินออกมาตามผมถึงที่นั่ง พร้อมท้าให้ผมออกไปเคลียรนอกโรง
ผมตัดบทไปว่า
“คุณจะออกไป ก็ออกไป ผมจะดูหนัง ค่าตั๋วมันแพง”
“คุณจะออกไป ก็ออกไป ผมจะดูหนัง ค่าตั๋วมันแพง”
เท่านั้นแหล่ะ ทางโน้นก็พูดออกมาว่า
ที่นั่งตัวเองราคาถูกกว่าก็จริง แต่มั่นใจว่าเค้ามีเงินมากกว่าผมแน่นอน
พร้อมทั้งควักเงินซึ่งน่าจะเป็นแบงค์ร้อย 1 ปึกพร้อมมัดหนังสติ๊กเรียบร้อย
ที่นั่งตัวเองราคาถูกกว่าก็จริง แต่มั่นใจว่าเค้ามีเงินมากกว่าผมแน่นอน
พร้อมทั้งควักเงินซึ่งน่าจะเป็นแบงค์ร้อย 1 ปึกพร้อมมัดหนังสติ๊กเรียบร้อย
ผมก็ยิ่งงง ๆ ไปใหญ่
(อะไรของเอ็งวะ)
(อะไรของเอ็งวะ)
จากนั้นก็ทำท่าจะขู่ ๆ ด้วยการควัก ๆ อะไรซักอย่างที่ข้างเอว
ไม่ต้องเดาว่าอะไร แต่จะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมก็เลยบอกไปเลยว่า
ไม่ต้องเดาว่าอะไร แต่จะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมก็เลยบอกไปเลยว่า
“จะควักก็ควักออกมาเลย ไม่ต้องมาทำเป็นขู่”
(ตอนนั้นผมนั่งอยู่ที่โซฟาตามปกติ ผู้ชายคนนั้นยืนข้าง ๆ ที่นั่ง)
(ตอนนั้นผมนั่งอยู่ที่โซฟาตามปกติ ผู้ชายคนนั้นยืนข้าง ๆ ที่นั่ง)
เค้าไม่ควักสิ่งที่คิดว่าเป็นปืน
แต่ล้วงกระเป๋าควักอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ ประมาณเหรียญบาทเยอะ ๆ
แต่ล้วงกระเป๋าควักอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ ประมาณเหรียญบาทเยอะ ๆ
ผู้หญิงคนที่พยายามพูดก็พูดเหมือนเดิม
“พี่อย่าไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย”
“พี่อย่าไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย”
ผมเลยพูดกลับไปว่า
“ผมก็พยายามไม่ยุ่ง แต่คุณดูคนของตัวเองด้วยสิครับ”
“ผมก็พยายามไม่ยุ่ง แต่คุณดูคนของตัวเองด้วยสิครับ”
พูดมาอีกที
“พี่อย่าไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย….. พี่สู้เค้าไม่ได้หรอก”
“พี่อย่าไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย….. พี่สู้เค้าไม่ได้หรอก”
เอ๊า !!!
ผมบอกปัด ๆ ไปเหมือนเดิม
คุณไปรอนอกโรงไป เดี๋ยวผมดูหนังเสร็จผมจะออกไป
คุณไปรอนอกโรงไป เดี๋ยวผมดูหนังเสร็จผมจะออกไป
ผู้ชายที่ว่าก็เดินจากไป แต่ยืนท้าทายอยู่ที่ริมทางเดิน (ในโรง)
แฟนผมที่ก็พยายามดึงมือไว้ ให้ผมนั่ง
ทางโน้นก็พูดท้าทายอยู่ตลอด
แฟนผมที่ก็พยายามดึงมือไว้ ให้ผมนั่ง
ทางโน้นก็พูดท้าทายอยู่ตลอด
รวมทั้งผู้หญิงคนที่เหมือนจะพูดห้าม เริ่มมีอะไรออกมามากขึ้น
ประมาณว่า ผมทำอะไรผิดไป
จับความได้ว่า เค้าบอกว่าผมนั่งแล้วยื่นเท้าไปโดนหัวเค้า
ผมบอกทันที ไม่มีโดนนะครับ ผมนั่งไขว่ห้างแล้วปล่อยตัวไหล
แต่ทิ้งห่างจากจากเบาะเค้าพอสมควรแนะนอน
(นึกสภาพ ถ้าโดนผมว่าเค้าโวยวายกว่านี้แล้วล่ะ)
ประมาณว่า ผมทำอะไรผิดไป
จับความได้ว่า เค้าบอกว่าผมนั่งแล้วยื่นเท้าไปโดนหัวเค้า
ผมบอกทันที ไม่มีโดนนะครับ ผมนั่งไขว่ห้างแล้วปล่อยตัวไหล
แต่ทิ้งห่างจากจากเบาะเค้าพอสมควรแนะนอน
(นึกสภาพ ถ้าโดนผมว่าเค้าโวยวายกว่านี้แล้วล่ะ)
ทางคู่กรณีทั้ง 5 คนค่อย ๆ ทยอยกันเดินออกจากโรง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เดินออกไป ยังยืนท้าท้ายอยู่ที่เดิม
รวมทั้ง “พี่สู้เค้าไม่ได้หรอก”
รวมทั้ง “พี่สู้เค้าไม่ได้หรอก”
ปัญหาไม่ได้อยู่ตรง สู้ได้หรือไม่ได้ แต่ไม่งั้นมันไม่จบ
ผมเลยเดินออกไปหน้าโรง ยืนดาหน้ากัน 2 คน
“ว่าไงครับ ตกลงยังไงแน่ บลา ๆ ๆ”
“ทางโน้นก็ จะเอายังไง ๆ อยู่นั้นแหล่ะ”
“ว่าไงครับ ตกลงยังไงแน่ บลา ๆ ๆ”
“ทางโน้นก็ จะเอายังไง ๆ อยู่นั้นแหล่ะ”
เด็กหน้าโรงก็ยืนมองแบบ เอาแล้ว ๆ ได้มีฟัดกันแน่ ๆ
แต่ไม่มีใครเข้ามาห้าม ผมเลยพูดออกไปว่า
“น้องโทนแจ้งตำรวจด้วย”
แต่ไม่มีใครเข้ามาห้าม ผมเลยพูดออกไปว่า
“น้องโทนแจ้งตำรวจด้วย”
ระหว่างทางผู้หญิงคนที่ว่าก็พยายามพูดเพื่อสื่อสารให้รู้ว่าผมนี่มันเลวมาก
แต่ไม่ได้พูดเรื่องเท้าเลย
แต่ไม่ได้พูดเรื่องเท้าเลย
ผมจับทางได้ประมาณนึงเลยบอกไปว่า
“จริง ๆ แล้วผมว่าคุณเคืองผมเรื่องผมบอกให้ปิดมือถือมากกว่าหรือเปล่า”
แค่นั้นแหล่ะครับ
ตัวผู้หญิงพูดออกมาเลย
ตัวผู้หญิงพูดออกมาเลย
ก็เค้ามีธุระ เค้าก็ต้องหยิบมาดู มาโทร
ถ้าเป็นคุณ คุณจะหยิบมาดูหรือเปล่า
… ผมปิดเสียง
ถ้าเป็นคุณ คุณจะหยิบมาดูหรือเปล่า
… ผมปิดเสียง
ถ้ามีสายเข้าคุณก็รับ
…. ผมไปรับข้างนอก
…. ผมไปรับข้างนอก
ตัวผู้ชายก็พูดออกมาเลยว่า
เมิ่งน่ะมันเรื่องมาก
เมิ่งน่ะมันเรื่องมาก
ผมไม่ตอบโต้อะไรมากแล้ว
เพราะเริ่มปัญญาอ่อนกันแล้ว ก็เลยตัดบทไปว่า
ไปเหอะ จะกลับก็กลับไป ผมจะเข้าไปดูหนัง
เพราะเริ่มปัญญาอ่อนกันแล้ว ก็เลยตัดบทไปว่า
ไปเหอะ จะกลับก็กลับไป ผมจะเข้าไปดูหนัง
ทางฝั่งโน้นก็ดึง ๆ กันออกไป แค่พ้นมุมเลี้ยว กำลังจะออกหน้าโรง
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนึงก็ถือ วอเดินมา ถามเด็ก ๆ หน้าโรงว่า
ไหน ๆ คนไหน
เด็กหน้าโรงก็บอกว่า เค้าไปแล้ว ก็มีถามคนไหน อ๋อคนที่เพิ่งออกไปเหรอ บลา ๆ ๆ
แต่ไม่ได้มาพูดอะไรกับผมเลย
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนึงก็ถือ วอเดินมา ถามเด็ก ๆ หน้าโรงว่า
ไหน ๆ คนไหน
เด็กหน้าโรงก็บอกว่า เค้าไปแล้ว ก็มีถามคนไหน อ๋อคนที่เพิ่งออกไปเหรอ บลา ๆ ๆ
แต่ไม่ได้มาพูดอะไรกับผมเลย
ผมก็กลับเข้าโรงไปดูหนังต่อ ถึงตอนที่อยู่ในมินิมาร์ท ช่วงไต่ไปอีกฝั่งตึก world trade
พอเอื้อมมือไปหยิบน้ำกิน ถึงได้รู้ว่า
มีลูกปืนวางอยู่นัดนึง พอให้เก็บเป็นที่ระลึก
มีลูกปืนวางอยู่นัดนึง พอให้เก็บเป็นที่ระลึก
ท่าทางผู้ชายคนนั้นล่ำ ๆ เตี้ย ๆ ท่วม ๆ หน่อย
มีตราอะไรบางอย่างที่เสื้อ (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)
เหมือนจะพยายามโชว์พอสมควร
มีตราอะไรบางอย่างที่เสื้อ (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)
เหมือนจะพยายามโชว์พอสมควร
…. เข็ดมั้ย
ไม่เข็ดครับ สำหรับผมไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องเข็ด
ไม่เข็ดครับ สำหรับผมไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องเข็ด
เอาจริง ๆ ถ้าควักปืน (ถ้ามี) ออกมาจริง ๆ ผมแจ้งความจับทันทีเลย
เล่าให้เพื่อนฟัง มันบอกว่า จริง ๆ แค่ลูกกระสุนแล้วทำท่าท้าทายแบบนั้น ก็แจ้งจับได้แล้ว
เล่าให้เพื่อนฟัง มันบอกว่า จริง ๆ แค่ลูกกระสุนแล้วทำท่าท้าทายแบบนั้น ก็แจ้งจับได้แล้ว
…. เออว่ะ ไม่ได้นึก
Cr : pantip.com/topic/35619370
****************************************ปลาย******************************* เรียนทั้งหมดของผู้เข้าชมที่รัก! ผมขอบคุณมากสำหรับการเยี่ยมชมบล็อกของฉัน! ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อหาเนื้อหาที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดสำหรับทุกท่าน! กรุณามีความโชคดี! จาก rakthailand!!! :)
Post a Comment